ภาษาไทย | English
ตามที่ทราบกัน เส้นไหมได้มาจากดักแด้ของหนอนชนิดหนึ่ง ชื่อ Bombyx mori (ตัวไหม หรือ silkworm) ที่กินใบหม่อนเป็นจำนวนมากๆ ก่อนที่จะกลายร่างเป็นดักแด้ต่อไปทำไมผ้าไหมไทยจึงเป็นที่นิยม?
ผ้าไหมโดยทั่วไปจะนุ่ม เรียบลื่น เบา ไม่มีน้ำหนัก ใส่แล้วไม่ร้อน แต่ผ้าไหมไทยมีคุณสมบัติแตกต่างออกไป เนื้อผ้ามีลักษณะเป็นมันเงา ไม่เรียบ แต่ฟูนุ่มเป็นธรรมชาติ และมีน้ำหนัก ทั้งยังทอเป็นลวดลายแบบไทยๆอย่างประณีต ในหลากหลายรูปแบบ ดังนั้น ผ้าไทยจึงเป็นที่นิยม และต้องการกันมากในตลาดโลกทราบได้อย่างไร ว่าเป็นไหมไทยแท้?
จากการเป็นที่นิยม ทำให้มีผู้ผลิตผลิตผ้าไหมจากไหมต่างประเทศ แต่จำหน่ายโดยใช้ชื่อผ้าไหมไทย ทำให้คุณภาพไหมไทยตกต่ำ ไม่ได้มาตรฐาน จากปัญหานี้ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ ทรงพระราชทานตราสัญลักษณ์ "นกยูง" ให้แก่กระทรวงเกษตรฯ เพื่อใช้จำแนกไหมไทยแท้การรับรองคุณภาพไหมไทย
ตราสัญลักษณ์"นกยูง" ใช้ในการรับรองคุณภาพไหมไทย แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้- นกยูงสีทอง (Royal Thai Silk) ผ้าไหมไทยทอมือแบบดั้งเดิม วัสดุและขั้นตอนการผลิตมาจากภูมิปัญญาท้องถิ่น เส้นไหมผลิตจากตัวไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้าน
- นกยูงสีเงิน (Classic Thai Silk) ผลิตจากภูมิปัญญาท้องถิ่น แต่มีเครื่องมือเข้ามาช่วยในกระบวนการ เช่น มอเตอร์ไฟฟ้า เส้นไหมผลิตจากตัวไหมไทยที่ปรับปรุงพันธุ์
- Blue peacock (Thai Silk) ผลิตจากภูมิปัญญาท้องถิ่นผสมผสานกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย เส้นไหมย้อมด้วยสีธรรมชาติหรือ สีเคมีที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
- Green peacock (Thai Silk Blend) ไหมไทยผสมกับเส้นไหมหรือเส้นใยชนิดอื่น เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด โดยส่วนผสมจะต้องระบุให้ชัดเจน
ร้านไหมไทยแห่งแรก
ในปัจจุบัน มีร้านค้าผลิตภัณฑ์ไหมไทยที่มีคุณภาพอยู่ทั่วไป โดยร้านไหมไทยแห่งแรก คือ ร้าน "จิมทอมป์สัน" (Jim Thompson) ก่อตั้งขึ้นในปี 2491 โดยคุณ เจมส์ แฮริสัน วิลสัน ทอมป์สัน ชาวอเมริกัน ผู้บุกเบิกการค้าผ้าไหมไทยพิพิธภัณฑ์บ้านจิมทอมป์สัน |
ที่อยู่พิพิธภัณฑ์บ้านจิมทอมป์สัน
พิพิธภัณฑ์บ้านจิมทอมป์สัน
6 ซอยเกษมสันต์ 2 ถนนรามา 1 กรุงเทพฯ ประเทศไทย
โทร. (662) 216-7368 แฟกซ์ (662) 612-3744
พิพิธภัณฑ์บ้านจิมทอมป์สันอยู่ในซอยเกษมสันต์ 2 ตรงข้ามสนามกีฬาแห่งชาติ
Reference site : Jim Thompson House, Wikipedia : Thai silk (Thai, English), Jim Thompson
Image : Wikipedia : Thai silk, Jim Thompson